BPS สุดปลื้มราคาหุ้นเปิดเทรดวันแรกบวกกว่า 135% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ โตไม่ต่ำกว่า 20% เล็งขยายธุรกิจ Solar rooftop ตั้งเป้าติดตั้ง-ผลิตได้ 30 MW และธุรกิจไฟเบอร์ออพติกเพื่อการสื่อสาร เพิ่มรายได้-มาร์จิ้น พร้อมต่อยอดนวัตกรรม SMART HOME
นายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS เปิดเผย หลังหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด mai เป็นวันแรก ว่าเป็นระดับราคาเปิดที่น่าพอใจ โดยหลังจากนี้จะนำเงินระดมทุนไปใช้ขยายกิจการต่อเนื่อง ทั้งระบบไฟเบอร์ออพติก, Solar rooftop, ระบบ SMART HOME เป็นต้น ทั้งนี้วันนี้ราคาหุ้น BPS เปิดตลาดที่ระดับ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 135.55% จากราคาหุ้นไอพีโอที่ 0.90 บาท
โดยบริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้จะเดิบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับลูกค้าอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และ โรงงาน รวมถึงองค์กรภาคเอกชน โดยตั้งเป้าติดตั้งและผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 30 เมกะวัตต์
นอกจากนี้จะนำเสนอนวัตกรรม Green Home Solutions เพื่อตอบสนองความต้องการและตอบโจทย์เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน เช่น อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง, บ้านประหยัดพลังงาน ซึ่ง BPS จะเป็นศูนย์ให้บริการแบบ One Stop Service ด้วยการให้บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะตลาดบ้านมือสอง และกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุปัน พร้อมทั้งมองถึงการขยายโอกาสให้สอดดล้องกับแนวคิด SMART HOME เช่น การติดตั้งโรงรถ (Garage Roof) พร้อมระบบ Solar Roor- Top การติดตั้งระบบระบายอากาศ(Airflow) และการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า (EV Charger) ในอนาคตอีกด้วย
"บริษัทตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน ด้วยการขยายธุรกิจติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งเป็นธุรกิจที่โอกาสเติบโตและมีรายได้เข้ามาเพิ่มมากขึ้น และเริ่มรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ส่วนการนำเสนอนวัตกรรม Green Home solutions นั้น เป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง ตามความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโตตามเป้าหมาย" นายสุรพงษ์ กล่าว
โดยในอดีตที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตจากระบบธุรกิจและธุรกิจ (B2B) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลังจากระดมเงินทุนไอพีโอ จะทำให้บริษัทฯ สามารถต่อยอดการขายผลิตภัณฑ์จากเจ้าของธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2C) ได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ยอดขายของบริษัทฯ มาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวดิ่งรวมกว่า 500 โครงการ โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนจากลูกค้าเอกชนมากถึง 90%
ทั้งนี้ผลประกอบการ ปิ 66 บริษัทมีรายได้ 738.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.64% จากปีก่อนที่มีรายได้ 679.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 20.5 ล้านบาท โดยมีรายได้หลัก 87% เป็นงานจัดหาและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้กายในอาคาร รวมถึง อุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้องวงจรปิด เครื่องระบายอากาศ โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมบริการแบบ One Stop Service โดยได้มีการพัฒนารูปแบบสินค้าเป็น Kitting Box ที่เหลือ 13% เป็นรายได้จากการให้บริการจัดหา ออกแบบ ติดตั้ง สำหรับโครงการพลังงานโซลาร์ และโครงการบริการอื่นๆ
"เห็นราคาหุ้นเปิดวันนี้แล้วหายเหนื่อย ซึ่งเราคิดว่านักลงทุนคาดหวังและเห็นถึงความสำคัญของบริษัทฯ เรา หลังจากนี้เราจะตั้งใจบริหารงานให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น " นายสุรพงษ์กล่าว
|